เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กควรจ้างนักบัญชีเมื่อไหร่
คำตอบคือ เมื่อเจ้าของธุรกิจพร้อม
คำว่า พร้อม ในที่นี้หมายถึง กำลังจ่ายของเจ้าของธุรกิจ หากมีทุนมากก็สามารถจ้างได้เลย แต่หากมีทุนน้อยไม่มีกำลังจ่าย ลองประเมินตัวเองดู 2 เรื่องคือ เจ้าของธุรกิจมีสถานะอย่างไร และปริมาณบิลที่ต้องจัดการมีจำนวนเท่าไหร่
เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่เมื่อเริ่มตั้งธุรกิจมักจะโฟกัสไปที่ จะทำอย่างไรให้สินค้าของเราขายได้ ก็จะว่าจ้างพนักงานเซลล์ ดีไซเนอร์ กราฟิก มาร์เก็ตติ้ง ก่อนนักบัญชี ซึ่งเจ้าของธุรกิจอาจจะให้เซลล์รับผิดชอบเรื่องจัดการบิลต่างๆ ไปจนกว่าจะรับพนักงานแอดมินเข้ามา
ปริมาณบิลที่ต้องจัดการมีเท่าไหร่
ประเมินดูว่าธุรกิจมีบิลที่ต้องจัดการมากน้อยเท่าไหร่ เจ้าของธุรกิจสามารถจัดการและเสียภาษีได้ด้วยตนเองไหม หากทำไม่ไหวก็ต้องหาทางเลือกคือ การจ้างสำนักงานบัญชี จ้างนักบัญชี ซึ่งการจ้างแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
—
ข้อดี | ข้อเสีย | |
เจ้าของธุรกิจทำบัญชีเอง |
|
|
จ้างพนักงานประจำ |
|
|
จ้างสำนักงานบัญชี |
|
|
สาเหตุที่ต้องประเมินจากบิลของธุรกิจ ก็เพื่อที่จะหาจุดคุ้มทุนว่าหากเจ้าของธุรกิจจะจ้างพนักงานประจำสักคนหนึ่ง ธุรกิจของเรามีปริมาณบิล หรือจำนวนรายการค้า เพียงพอต่อการจ้างงานหรือไม่ หากยังมีไม่เพียงพอ แต่เจ้าของธุรกิจทำเองไม่ไหว ลองจ้างสำนักงานบัญชีหรือนักบัญชีฟรีแลนซ์
จ้างนักบัญชี ควรจ้างเมื่อไหร่
เมื่อเวลาผ่านไป เจ้าของธุรกิจตัดสินใจขยายขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น อาจจะปรับเปลี่ยนธุรกิจให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เริ่มวางแผนงบการเงิน ประมาณการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เมื่อนั้นเจ้าของธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องสร้างระบบหลังบ้านให้แข็งแรง และว่าจ้างนักบัญชี
ความสามารถของนักบัญชี (accountant) มีหลากหลาย และเป็นคู่คิดให้เจ้าของธุรกิจได้ โดยหน้าที่หลักๆ คือการทำเอกสารรายการรับ-จ่าย แบบวันต่อวัน, สรุปยอดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน, วิเคราะห์ต้นทุน รายได้ ค่าใช้จ่ายจากข้อมูลการทำบัญชี, ทำรายงานผลประกอบการในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส และรายปี, รวมไปถึงให้คำแนะนำข้อมูลทางการเงินให้เจ้าของธุรกิจเมื่อต้องมีการติดต่อกับนักลงทุนได้
เจ้าของธุรกิจจึงต้องประเมินจุดคุ้มทุนของธุรกิจตัวเองกับหุ้นส่วนทางธุรกิจว่า มีปริมาณงานที่เหมาะสมกับเงินเดือนของนักบัญชีแล้วหรือไม่ หรือจะลองปรึกษากับสำนักงานบัญชีที่ว่าจ้างก่อนการตัดสินใจก็ได้