รายจ่ายต้องห้ามคืออะไร?
“ประเด็นภายในอาชีพนักบัญชีนั้นมีมากมายเต็มไปหมด นักบัญชีกี่ปีก็ไม่พอจริงๆ วันนี้เลยมายกทริคที่ย่อยง่ายๆแต่ความรู้เต็มอิ่มแน่นอน แถมยังมีประโยชน์มากเลยที่เดียว โดยการเปลี่ยน “รายจ่ายต้องห้าม” ให้สามารถใช้เป็น ค่าใช้จ่ายที่สรรพากรยอมรับ มาแนะนำกัน”
รายจ่ายต้องห้าม คืออะไร?
“รายจ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการของนิติบุคคล และได้มีการบันทึกบัญชีเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่เกิดรายการ แต่ในทางภาษีไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ ขอบเขตรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล กำหนดไว้ตามประมวลรัษฎากร” หรือให้เข้าใจแบบง่าย รายจ่ายต้องห้าม คือ รายจ่ายที่สรรพากรกำหนดว่าไม่สามารถนำมาใช้เพื่อหักออกจากรายได้ในการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษีได้
ยกตัวอย่างรายจ่าย ดังนี้
– รายจ่ายที่มีลักษณะเป็นการส่วนตัว ไม่เป็นไปตามระเบียบของกิจการ
– รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง
– รายจ่ายที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้รับ
– รายจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม รายจ่ายค่าปรับ ค่ารับรอง
ค่าใช้จ่ายส่วนที่นำใช้คำนวณเพื่อหักภาษีได้
1. ค่าศึกษา/อบรมพนักงาน มีใบเสร็จรับเงินถูกต้องสมบูรณ์และจ่ายเพื่อพัฒนาองค์กร
รายจ่ายที่เกิดจากการที่กิจการได้จ่ายเพื่อส่งให้พนักงานเข้ารับการศึกษาหรืออบรม หากมีใบเสร็จรับเงินของสถานศึกษา หรือสถานฝึกอบรม รวมถึงพนักงานที่ฝึกอบรมต้องกลับมาทำงานเพื่อสร้างประโยชน์พัฒนาองค์กรต่อไป รายจ่ายลักษณะนี้ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม และยังนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ถึง 2 เท่า
โดยการฝึกอบรมแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
1) In-house Training โดยบริษัทเป็นผู้จัดฝึกอบรมขึ้นเอง หรือจ้างบริษัทฝึกอบรมสัมมนาเข้ามาจัดฝึกอบรมให้
2) Public Training โดยส่งพนักงานไปรับการฝึกกับบริษัทฝึกอบรมสัมมนา สถานศึกษา หรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงาน (ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา)
หากรายจ่ายการส่งพนักงานเข้าฝึกอบรมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 148) กิจการสามารถนำรายจ่ายดังกล่าวไปใช้หักภาษีได้มากถึง 2 เท่า อย่างเช่นจ่ายค่าอบรม 10,000 บาท สามารถนำมาคำนวณหักภาษีได้ 20,000 บาท
2. ค่าสัมมนานอกสถานที่ บริษัทระบุกฎระเบียบชัดเจนใช้โดยทั่วไปและเพื่อพัฒนาองค์กร
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักรายจ่ายที่จ่ายสำหรับค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่กิจการจัดขึ้นให้แก่ลูกจ้าง หรือรายจ่ายที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยว และมัคคุเทศก์ เพื่อการอบรมสัมมนาภายในประเทศ เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
เงื่อนไขคือต้องมีระเบียบชัดเจน และพนักงานทุกคนมีสิทธิเข้าร่วม รวมถึงเสริมสร้างความรู้เพิ่มเติมของพนักงาน และเอื้อประโยชน์แก่การพัฒนาองค์กรของกิจการ สามารถนำมาเป็นหลักฐานเพื่อใช้หักภาษีได้ ไม่ถือเป็นรายจ่ายต้องห้าม
3.บริจาคให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีใบเสร็จรับเงินถูกต้องสมบูรณ์
รายจ่ายของกิจการในการบริจาคให้กับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในนามบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ให้แก่ กสศ. ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
และมีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องสมบูรณ์ จึงจะถือเป็นรายจ่ายที่สรรพากรยอมรับ สามารถนำมาหักเป็นรายจ่ายได้ถึง 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะบริจาคเป็นเงินหรือทรัพย์สิน
เงื่อนไขคือเมื่อรวมกับรายจ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการเห็นชอบ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษา หรือเพื่อการกีฬาตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
หากสนใจข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวกับการทำบัญชีและการจัดตั้งบริษัท สามารถอ่านบทความได้ที่
รับจดทะเบียนบริษัท , รับทำบัญชี